คนรุ่นใหม่หรือคนอยากมีบ้านใหม่ หลายๆคนคงกังวลใจกับการกู้ซื้อบ้าน เพราะมักได้ยินคำบอกเล่าเรื่องการ “กู้ไม่ผ่าน” ที่เป็นประโยคสั้นๆที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ดังนั้นลองมาสำรวจคุณสมบัติของตัวเองก่อนจะทำการกู้ซื้อบ้านดีมั้ย เราเตรียม 4 หัวข้อมาให้คุณดูกัน ว่าตัวเองมีคุณสมบัติอยู่ในระดับไหน
1. ประเมินกำลังผ่อนบ้านกับรายได้ของตัวเอง
ธนาคารหลายแห่งให้เราสามารถผ่อนได้ถึง 70% หรือแม้แต่ 100% ของรายได้
สมมติว่าคุณมีรายได้ 20,000 บาท ธนาคารให้คุณมีภาระผ่อนได้ไม่เกิน 70% ของรายได้ เท่ากับ 20,000 = 14,000 บาท
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องผ่อนบ้านเดือนละเท่าไหร่?
สูตรในการคำนวณการผ่อนบ้านง่ายๆ คือ กู้ 1,000,000 บาท ผ่อนเดือนละ 5,000-6,000 บาท โดยส่วนมากแล้วทางธนาคารผู้ให้กู้จะผ่อนผันให้ใน 1-3 ปีแรก ค่าผ่อนจะต่ำกว่าเนื่องจากได้โปรดอกเบี้ยต่ำ แต่อย่าลืมนำภาระต่างๆ ของคุณมาคำนวณด้วย เช่น บัตรเครดิต ผ่อนรถ ซึ่งจะทำให้คุณมีกำลังการผ่อนลดลง ด้วยเหตุนี้ ธนาคารจึงขอให้เราเซ็นต์ใบเปิดเผยยอดหนี้เครดิตบูโรเพื่อนำมาตรวจสอบประกอบการกู้
สำหรับคนทั่วไป แนะนำว่า อย่าให้ภาระผ่อนถึง 70% ลองคำนวณภาระผ่อนก่อนจองหรือซื้อบ้าน จะช่วยลดปัญหากู้ไม่ผ่านได้เยอะ
2. เงินเก็บมีผลมาก
คุณสมบัติที่เหมาะสมกับการให้กู้บ้านมากที่สุดคือ มีเงินออมสำรองไว้ยามฉุกเฉินหรือไม่ เพราะจะเป็นหลักประกันให้กับสถาบันการเงินว่า ต่อให้เงินสดจากรายได้ขาดมือ ก็ยังมีเงินออมไว้อย่างน้อย 5-15% ของราคาบ้าน และยังเป็นตัวชี้ให้เห็นว่าผู้กู้มีวินัยทางการเงินมากน้อยแค่ไหน หากผู้กู้ต้องการกู้บ้าน 100% นั้นเสี่ยงมาก หากไม่มีเงินออมสำรองเลย เพราะถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา จะไม่มีเงินมาใช้ในการผ่อนบ้าน
แต่ไม่ต้องกังวลว่าธนาคารจะนำเงินออมของเราส่วนนี้ไป เนื่องจากในขั้นตอนการขอกู้บ้าน ธนาคารจะขอ statement ของ Book bank เพื่อนำไปประกอบการกู้เท่านั้น ไม่ได้นำเงินออมของเราเข้าไปเป็นหลักค้ำประกัน หากเราไม่ได้เซ็นต์เอาเงินส่วนนี้มาคำ้ประกัน

3. เช็คภาระสินเชื่อบ้านของตัวเอง
เช็คจำนวนสินเชื่อที่ตัวเองมีก่อน เพราะถ้ามีภาระสินเชื่อเยอะ “ต่อให้เงินเดือนเยอะก็มีสิทธิ์กู้ไม่ผ่าน” เนื่องจากธนาคารส่วนมากจะปล่อยดอกเบี้ยอัตราต่ำเพื่อให้เราซื้อบ้านเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งความเสี่ยงต่ำกว่าก่อนซื้อเพื่อลงทุน หากเรามีภาระสินเชื่อบ้านหลายๆหลัง ธนาคารอาจคิดว่าเราไม่ได้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยแน่นอน ซึ่งเป็นผลให้ ธนาคารผู้ปล่อยกู้อาจให้สินเชื่อแต่จะมีอัตราดอกเบี้ยและการตรวจสอบที่เข้มกว่า
แล้วภาระสินเชื่อเท่าไหร่ถึงเรียกว่าเยอะเกินไป?
หากมีภาระสินเชื่อมากเกิน 3 จัดว่ามีภาระสินเชื่อที่สูงเกินไป และหากคุณไม่ใช่ลูกค้าประจำชั้นดี หรือมีเครดิตดีๆ ยากที่ธนาคารจะยอมให้กู้เกิน 3 สินเชื่อ สิ่งที่ต้องตระหนักไว้คือ 3 สินเชื่อ ไม่ใช่ 3 หลัง

หากใครต้องการซื้อบ้านหลายหลัง สามารถทำได้คือ ถ้าซื้อ 2 หลังแต่ยื่นกู้พร้อมกัน จะนับเป็น 1 สินเชื่อ แต่ถ้าหากซื้อบ้าน จนครบ 3 สินเชื่อไปแล้ว ให้ทำการ Refinance พร้อมกัน เพื่อให้บ้าน 3 หลังไปอยู่ในสินเชื่อเดียวกัน แต่มีเงื่อนไขคือ สินเชื่อต้องมีอายุมากกว่า 3 ปีขึ้นไป
จำนวนสินเชื่ออาจไม่สำคัญเท่าไหร่กับคนทั่วไป แต่สำคัญมากๆ สำหรับนักลงทุน ดังนั้นวางแผนไว้ให้ดีตั้งแต่แรกจะดีกว่า
4. เอกสารพร้อมมั้ย
ขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะทำการกู้กับโครงการที่ตัวเองประทับใจ ลองสำรวจดูว่าตัวเองมีเอกสารพร้อมมั้ย หลักๆ เอกสารที่ใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการขอกู้คือ
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาใบสำคัญสมรส (สำหรับผู้มีสถานะสมรส)
- และเอกสารอื่น ๆ ที่ใช้เป็นหลักฐานแสดงหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งในแต่ละกรณีการกู้ ก็จะมีชุด
- เอกสารแตกต่างกันออกไป
หากคุณกำลังสนใจโครงการบ้านเดี่ยว พร้อมเข้าอยู่ ย่านบางบัวทอง บางใหญ่ เรามีโครงการดีๆมานำเสนอ โครงการเดอะไพร์ม (ชัยพฤกษ์-วงแหวน) มาเป็นตัวเลือกของคุณ โดยเราปรึกษาเรื่องสินเชื่อให้คุณด้วยก่อนตัดสินใจซื้อ คุณสามารถกดดูรายละเอียดโครงการได้ที่นี้

หากคุณพร้อมที่จะเป็นครอบครัวเดียวกับเรา ทางโครงการมีข้อเสนอดีๆมานำเสนอ พร้อมดำเนินเรื่องการขอกู้ให้คุณหายห่วงจากขั้นตอนที่ยุ่งยาก เพียงคุณวางเงินค่าจอง 1,000 บาท และค่าดำนเนิการทำสัญญา 9,000 บาท และเตรียมเอกสารต่างๆ ตามที่เราระบุไว้ และเราจะเป็นตัวแทนดำเนินการขอกู้บ้านให้กับคุณเอง
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาใบสำคัญสมรส (สำหรับผู้มีสถานะสมรส)
- ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)
กรณีประกอบอาชีพประจำ
- หนังสือรับรองเงินเดือน (ตัวจริง)
- สลิปเงินเดือน/ใบแจ้งรายได้จากหน่วยงานย้อนหลัง 6 เดือน
- สมุดบัญชีเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน พิมพ์รายการจนถึงปัจจุบัน (ตัวจริงพร้อมสำเนา)
- หนังสือรับรองสิทธิสวัสดิการ (ถ้ามี)
กรณีประกอบอาชีพอิสระและเจ้าของกิจการ
- สำเนาทะเบียนการค้าหรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท
- รายชื่อผู้ถือหุ้น
- รายการเดินบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 12 เดือน (ตัวจริงพร้อมสำเนา)
- ภาพถ่ายกิจการ 4-5 ภาพ
- แผนที่ตั้งโดยสังเขป
- หลักฐานการเสียภาษีเช่น ภ.พ.30 เป็นต้น
- สำเนาบัตรประจำตัวผู้เสียภาษี
- หลักฐานการเงินอื่นๆ
